"วิโรจน์"เผยเหตุผลทำไมลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่สุดท้าย ชี้ถ้าไม่ได้เป็นจะทำอะไร?
วิโรจน์quotเผยเหตุผลทำไมลงสมัครสสบัญชีรายชื่อลำดับที่สุดท้ายชี้ถ้าไม่ได้เป็นจะทำอะไร
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า [ ทำไมผมถึงลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่สุดท้าย ลำดับที่ 100 ]
คนที่ทำงานกับผมมาตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ ต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน จะรู้ดีว่า เหตุผลที่ผมเข้ามาทำงานการเมือง คือ ความตั้งใจที่อยากเห็นประเทศนี้ดีขึ้น ผมไม่เคยคิด ไม่เคยหวังเลยว่า ตัวเองจะได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในสมัยพรรคอนาคตใหม่ ผมเป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 33 ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้น โอกาสจะได้เข้าสภาแทบไม่มีอยู่แล้ว แต่เมื่อประชาชนมอบโอกาสให้ ผมก็คิดว่าเราต้องตั้งใจทำหน้าที่ สส. ให้ดีที่สุด สมกับความไว้วางใจนั้น ผมตั้งใจที่จะเป็น สส. ที่เอาการเอางาน ใช้กลไกของอำนาจนิติบัญญัติ งานสภา และงานกรรมาธิการ ตลอดจนเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด
สิ่งหนึ่งที่ผมย้ำกับตัวเองเสมอ คือ วิโรจน์ ยังต้องเป็นวิโรจน์คนเดิม ต้องไม่ลืมตัว ไม่หลงใหลในอำนาจ ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกียรติประชาชนทุกคนเสมอ
ผมเข้าใจดีว่า นักการเมืองย่อมมีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบ เราคงทำให้ทุกคนชอบเราไม่ได้ แต่เราทำให้คนที่ไม่ชอบเรา ให้ไม่ชอบเราด้วยเหตุผลอื่น ที่ไม่ใช่การทุจริต คอร์รัปชั่นได้ ซึ่งผมก็สามารถครองตน และทำเช่นนั้นได้สำเร็จ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมทำหน้าที่ สส. มาแล้ว 2 สมัย สมัยแรก 2 ปี 10 เดือน 10 วัน สมัยที่สอง 2 ปี 6 เดือน 27 วัน รวมทั้งหมด 5 ปี 5 เดือน 7 วัน
ผมยึดมั่นอยู่เสมอว่า ตำแหน่งมีไว้ให้ทำหน้าที่ อำนาจมีไว้ให้ตัดสินใจและรับผิดชอบ ไม่ใช่มีไว้ให้เรายึดติด เราไม่ควร เป็น สส. เพียงเพราะแค่เราอยากเป็น แต่เราจำเป็นต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เป็น สส. แล้วจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ จนหลงลืมตัวตนของตัวเองเลย
วันที่ผมตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง สส. เพื่อสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เชื่อไหมครับว่าหลังจากที่ได้รับข้อเสนอจากพรรค ผมใช้เวลาตัดสินใจตอบรับไม่ถึง 2 นาที ทั้งๆ ที่ผู้บริหารพรรคหลายคนบอกกับผมในภายหลังว่า ไม่อยากให้ผมตอบรับเลย
มีคนถามด้วยซ้ำว่า "ไม่รู้หรือว่า โอกาสที่จะชนะนั้นมีน้อยมากๆ" ซึ่งผมก็ตอบไปตามตรงว่า "ทำไมผมจะไม่รู้ว่าโอกาสชนะมีน้อย แต่เมื่อไหร่ที่พรรคต้องการใครสักคน จะมีผมยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ งานในสภาที่ทำอยู่ มาคิดดูดีๆ ก็ทำมาเกือบครบทุกบทบาทแล้ว แต่การลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. คือ ความท้าทายใหม่ และเป็นโอกาสที่พรรคจะได้นำเสนอนโยบายต่อสาธารณะอย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นผลดีกับพรรค ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป และหากได้รับชัยชนะขึ้นมา งานในฐานะ ผู้ว่าฯ กทม. ก็เป็นงานที่จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับชาวกรุงเทพฯ ได้ ผมจึงไม่ลังเลใจเลย ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนาม "วิโรจน์ ก้าวไก่" ในวันนั้น
เช่นเดียวกับวันที่พรรคต้องการ สส. ไปเป็นแม่งาน ช่วยวางระบบฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนจากโคลนถล่มที่เชียงราย ที่ต้องการคนผละจากครอบครัว ไปอยู่กึ่งประจำในพื้นที่ที่ จ.เชียงราย นานถึง 1–2 เดือน พอพรรคถามไถ่มาว่าผมพอจะช่วยพรรคได้ไหม ผมก็รับอาสาทันที จำได้ว่าไปเริ่มงานที่นั่นแบบเริ่มต้นจากศูนย์ จากพื้นโล่งๆ กลายมาเป็นศูนย์อาสาสมัครล้างทำความสะอาดบ้านให้ชาวเชียงราย ต้องกินอยู่กับเพื่อนๆ อาสาสมัครตามอัตภาพ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ผมภาคภูมิใจ และมีความสุขมากๆ ที่ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนร่วมงาน และจิตอาสาทุกคนที่นั่น
เมื่อพรรคต้องการใครสักคน เห็นไหมล่ะว่าผมจะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ
ตำแหน่งประธานกรรมาธิการทหารก็เช่นกัน ผมไม่เคยร้องขออยากเป็นประธาน กมธ.ทหาร เลย แต่เมื่อพรรคเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ของผมในการบุกเบิก และวางรากฐานการทำงานระหว่างพรรคกับกองทัพ ที่มีความเข้าอกเข้าใจกัน มีเส้นแบ่งหน้าที่ที่เคารพต่อกัน และยืนอยู่บนหลักการที่มั่นคง ผมจึงได้ตัดสินใจรับตำแหน่งประธาน กมธ.ทหาร และตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จน กมธ.ทหาร ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกรรมาธิการที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และสามารถทำงานกับกองทัพได้อย่างราบรื่น โดยที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ
พอเป็นประธานได้ 2 ปี ผมเป็นคนที่แสดงความประสงค์กับพรรคเองเลยว่า ผมต้องการสละตำแหน่งประธาน เพื่อเปิดโอกาสให้ สส. คนอื่นได้มีประสบการณ์ในฐานะประธานกรรมาธิการบ้าง แม้ผู้บริหารพรรคหลายคนพยายามทักท้วง และอยากให้ผมดำรงตำแหน่งประธานต่อ ไป แต่ผมก็ยังยืนยันว่า ถึงเวลาที่คนอื่นควรได้ก้าวขึ้นมาบ้าง ถ้าผมยังคงยึดติดกับตำแหน่งนี้ แล้วงานใหม่ๆ ที่มีความเสี่ยง และท้าทาย ผมจะไปทำเพื่อพรรคได้อย่างไร
ผมถึงสามารถมาจับงาน "การปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ และการฟอกเงิน" ได้ ซึ่งถือปัจจุบันทุกคนต่างรู้ดีว่า ปัญหาสแกมเมอร์ ถือเป็นภัยความมั่นคงอย่างร้ายแรงต่อประชาชน และประเทศชาติอย่างมาก
การตัดสินใจลงสมัคร สส. บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 100 ในครั้งนี้ ก็มีเหตุผลไม่ต่างกันหรอกครับ ทุกคนรู้ดีว่าลำดับที่ 100 ผมไม่มีทางที่จะกลับมาเป็น สส. ได้อย่างแน่นอน อ้าว! ถ้าไม่ได้เป็น สส. แล้วจะสมัครทำไม ผมก็ขอตอบตรงนี้ว่า ที่ผมยังคงลงรับสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ก็เพราะว่า ผมต้องการยืนยันว่าผมยังคงอยู่กับพรรค และยังคงทำงานให้กับพรรคอย่างทุ่มเท "เต็ม 100" เหมือนเดิม
"เมื่อไหร่ที่พรรคต้องการผม ผมจะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ"
งานของพรรคไม่ได้มีแค่งาน สส. ในสภา หากได้เป็นรัฐบาล ยังมีงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร และการขับเคลื่อนนโยบายอีกมาก ในมุมของการสร้างพรรค ก็ยังมีงานมวลชน งานสมาชิกสัมพันธ์ ที่ต้องการคนไปสร้างการมีส่วนร่วม และหลอมรวมความเห็นที่แตกต่าง เพื่อสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่แข็งแรงในระยะยาว ผมจึงเลือกที่จะไปเติมในจุดที่พรรคยังขาด มากกว่ายึดติดกับตำแหน่ง ในจุดที่มีคนแทนที่ได้
ใครที่ทำงานกับผมจะรู้ดี งานไหนมีคนอาสาแข่งขันกันเยอะแยะ ผมจะถอยออกมาเสมอ แต่ถ้างานไหนหาคนทำไม่ได้ คนนั้นก็ติด คนนี้ก็มีข้อจำกัด ชื่อของผมจะผุดขึ้นมาในหัวของผู้บริหารพรรคโดยพลัน และเมื่อหันมา ก็จะเห็นผมยิ้ม และชูมือรอรับคำสั่งอย่างไม่อิดออดอยู่เสมอ เพราะผมเชื่อว่าทีมที่แข็งแรง จำเป็นต้องมีคนที่พร้อมที่จะหน้าที่ปิดช่องว่างให้กับทีม
ถามว่าผมยังอยากเป็น สส. ไหม ใครจะไม่อยากเป็นครับ ตอบตรงๆ ก็ยังอยากเป็น แต่ผมเชื่อว่าเราไม่ควรเป็น สส. เพียงเพราะแค่การอยากเป็น หากมีงานอื่นที่ท้าทายกว่า และเป็นประโยชน์กับพรรค และประชาชนมากกว่า คนที่เป็นเสาหลักของพรรค ต้องพร้อมอาสาไปทำงานในจุดนั้น และเปิดพื้นที่ให้คนอื่นได้เข้ามาแทนที่ องค์กรมันถึงจะเติบโตได้
ผมคิดว่าการทำหน้าที่ สส. ที่ผ่านมา ผมทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว อาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง ผมก็พร้อมน้อมรับคำติติง และขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ ความอยากเป็น สส. มันมีครับ แต่ความอยากไปบุกเบิกงานใหม่ และความอยากเห็นคนรุ่นใหม่ได้เปล่งประกาย มันมีมากกว่า หากคนเก่าไม่ลุกจากเก้าอี้ คนใหม่ก็ไม่มีวันได้นั่ง แทนที่จะบอกให้ใครลุก ผมเลือกที่จะลุกเอง น่าจะดีกว่า
หากจะถามต่อว่า แล้วถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลล่ะ แล้ววิโรจน์จะไปทำอาชีพอะไร ผมคิดอย่างนี้ครับว่า ประเทศนี้ไม่ควรมี สส. ที่ต้องมาเป็น สส. เพียงเพราะไม่รู้ว่าถ้าไม่ได้เป็น สส. แล้วจะไปประกอบอาชีพอะไร
เอาเป็นว่าเมื่อถึงเวลานั้น ก็คงไปว่าเอาครับ ผมเชื่อว่า คนเราถ้าดิ้น มันก็มีพื้นที่ว่างให้ดิ้นเสมอครับผม
ผมมองในแง่ดีนะครับว่า หากได้ไปทำอะไรอย่างอื่น มันก็เป็นโอกาสที่ผมจะได้พัฒนาตัวเอง ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ทำความเข้าใจกับความเป็นไปของโลกยุคใหม่ ได้รู้จักกับเครือข่ายประชาคมใหม่ๆ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้ผมกลับมาช่วยงานพรรคในมิติที่ลึก และแข็งแรงกว่าเดิม การเป็น สส. มา 5 ปีเศษ ในทุกๆ วัน มีแต่งานวิ่งมาชนตัว ไม่มีเวลาที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้อย่างลึกซึ้งเลยครับ
ตลอดเส้นทางกว่า 5 ปี 5 เดือน 7 วัน ผมอาจไม่ได้เป็นนักการเมืองที่สมบูรณ์แบบ แต่ผมมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ผมไม่เคยใช้ตำแหน่งเพื่อตัวเอง ไม่เคยยึดเก้าอี้ไว้เพราะความอยาก และไม่เคยลืมว่าอำนาจทั้งหมดที่มีนั้น เป็นของประชาชน
สำหรับผม การเมืองไม่ใช่เรื่องของการได้ “เป็นอะไร” แต่คือการได้ “ทำอะไร” ให้ประเทศนี้ดีขึ้น
เอาเป็นว่าเลือกพรรคประชาชนกันให้เยอะๆ ครับ ใครจะไปรู้ ผมอาจจะได้กลับเข้าสภา เพื่อมาตอบกระทู้ของเพื่อน สส. ก็ได้ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าสไตล์การอภิปรายในสภาของผมนั้นเป็นอย่างไร ไม่อยากเห็นสไตล์การชี้แจง หรือการตอบกลับของผมในสภาบ้างหรือครับ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า [ ทำไมผมถึงลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่สุดท้าย ลำดับที่ 100 ]
คนที่ทำงานกับผมมาตั้งแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ ต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน จะรู้ดีว่า เหตุผลที่ผมเข้ามาทำงานการเมือง คือ ความตั้งใจที่อยากเห็นประเทศนี้ดีขึ้น ผมไม่เคยคิด ไม่เคยหวังเลยว่า ตัวเองจะได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในสมัยพรรคอนาคตใหม่ ผมเป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 33 ซึ่งสถานการณ์ในตอนนั้น โอกาสจะได้เข้าสภาแทบไม่มีอยู่แล้ว แต่เมื่อประชาชนมอบโอกาสให้ ผมก็คิดว่าเราต้องตั้งใจทำหน้าที่ สส. ให้ดีที่สุด สมกับความไว้วางใจนั้น ผมตั้งใจที่จะเป็น สส. ที่เอาการเอางาน ใช้กลไกของอำนาจนิติบัญญัติ งานสภา และงานกรรมาธิการ ตลอดจนเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อแก้ปัญหาให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด
สิ่งหนึ่งที่ผมย้ำกับตัวเองเสมอ คือ วิโรจน์ ยังต้องเป็นวิโรจน์คนเดิม ต้องไม่ลืมตัว ไม่หลงใหลในอำนาจ ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกียรติประชาชนทุกคนเสมอ
ผมเข้าใจดีว่า นักการเมืองย่อมมีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบ เราคงทำให้ทุกคนชอบเราไม่ได้ แต่เราทำให้คนที่ไม่ชอบเรา ให้ไม่ชอบเราด้วยเหตุผลอื่น ที่ไม่ใช่การทุจริต คอร์รัปชั่นได้ ซึ่งผมก็สามารถครองตน และทำเช่นนั้นได้สำเร็จ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมทำหน้าที่ สส. มาแล้ว 2 สมัย สมัยแรก 2 ปี 10 เดือน 10 วัน สมัยที่สอง 2 ปี 6 เดือน 27 วัน รวมทั้งหมด 5 ปี 5 เดือน 7 วัน
ผมยึดมั่นอยู่เสมอว่า ตำแหน่งมีไว้ให้ทำหน้าที่ อำนาจมีไว้ให้ตัดสินใจและรับผิดชอบ ไม่ใช่มีไว้ให้เรายึดติด เราไม่ควร เป็น สส. เพียงเพราะแค่เราอยากเป็น แต่เราจำเป็นต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เป็น สส. แล้วจะทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งใดๆ จนหลงลืมตัวตนของตัวเองเลย
วันที่ผมตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง สส. เพื่อสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เชื่อไหมครับว่าหลังจากที่ได้รับข้อเสนอจากพรรค ผมใช้เวลาตัดสินใจตอบรับไม่ถึง 2 นาที ทั้งๆ ที่ผู้บริหารพรรคหลายคนบอกกับผมในภายหลังว่า ไม่อยากให้ผมตอบรับเลย
มีคนถามด้วยซ้ำว่า "ไม่รู้หรือว่า โอกาสที่จะชนะนั้นมีน้อยมากๆ" ซึ่งผมก็ตอบไปตามตรงว่า "ทำไมผมจะไม่รู้ว่าโอกาสชนะมีน้อย แต่เมื่อไหร่ที่พรรคต้องการใครสักคน จะมีผมยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ งานในสภาที่ทำอยู่ มาคิดดูดีๆ ก็ทำมาเกือบครบทุกบทบาทแล้ว แต่การลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. คือ ความท้าทายใหม่ และเป็นโอกาสที่พรรคจะได้นำเสนอนโยบายต่อสาธารณะอย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นผลดีกับพรรค ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป และหากได้รับชัยชนะขึ้นมา งานในฐานะ ผู้ว่าฯ กทม. ก็เป็นงานที่จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับชาวกรุงเทพฯ ได้ ผมจึงไม่ลังเลใจเลย ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในนาม "วิโรจน์ ก้าวไก่" ในวันนั้น
เช่นเดียวกับวันที่พรรคต้องการ สส. ไปเป็นแม่งาน ช่วยวางระบบฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชนจากโคลนถล่มที่เชียงราย ที่ต้องการคนผละจากครอบครัว ไปอยู่กึ่งประจำในพื้นที่ที่ จ.เชียงราย นานถึง 1–2 เดือน พอพรรคถามไถ่มาว่าผมพอจะช่วยพรรคได้ไหม ผมก็รับอาสาทันที จำได้ว่าไปเริ่มงานที่นั่นแบบเริ่มต้นจากศูนย์ จากพื้นโล่งๆ กลายมาเป็นศูนย์อาสาสมัครล้างทำความสะอาดบ้านให้ชาวเชียงราย ต้องกินอยู่กับเพื่อนๆ อาสาสมัครตามอัตภาพ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ผมภาคภูมิใจ และมีความสุขมากๆ ที่ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนร่วมงาน และจิตอาสาทุกคนที่นั่น
เมื่อพรรคต้องการใครสักคน เห็นไหมล่ะว่าผมจะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ
ตำแหน่งประธานกรรมาธิการทหารก็เช่นกัน ผมไม่เคยร้องขออยากเป็นประธาน กมธ.ทหาร เลย แต่เมื่อพรรคเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ของผมในการบุกเบิก และวางรากฐานการทำงานระหว่างพรรคกับกองทัพ ที่มีความเข้าอกเข้าใจกัน มีเส้นแบ่งหน้าที่ที่เคารพต่อกัน และยืนอยู่บนหลักการที่มั่นคง ผมจึงได้ตัดสินใจรับตำแหน่งประธาน กมธ.ทหาร และตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จน กมธ.ทหาร ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกรรมาธิการที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และสามารถทำงานกับกองทัพได้อย่างราบรื่น โดยที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ
พอเป็นประธานได้ 2 ปี ผมเป็นคนที่แสดงความประสงค์กับพรรคเองเลยว่า ผมต้องการสละตำแหน่งประธาน เพื่อเปิดโอกาสให้ สส. คนอื่นได้มีประสบการณ์ในฐานะประธานกรรมาธิการบ้าง แม้ผู้บริหารพรรคหลายคนพยายามทักท้วง และอยากให้ผมดำรงตำแหน่งประธานต่อ ไป แต่ผมก็ยังยืนยันว่า ถึงเวลาที่คนอื่นควรได้ก้าวขึ้นมาบ้าง ถ้าผมยังคงยึดติดกับตำแหน่งนี้ แล้วงานใหม่ๆ ที่มีความเสี่ยง และท้าทาย ผมจะไปทำเพื่อพรรคได้อย่างไร
ผมถึงสามารถมาจับงาน "การปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ และการฟอกเงิน" ได้ ซึ่งถือปัจจุบันทุกคนต่างรู้ดีว่า ปัญหาสแกมเมอร์ ถือเป็นภัยความมั่นคงอย่างร้ายแรงต่อประชาชน และประเทศชาติอย่างมาก
การตัดสินใจลงสมัคร สส. บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 100 ในครั้งนี้ ก็มีเหตุผลไม่ต่างกันหรอกครับ ทุกคนรู้ดีว่าลำดับที่ 100 ผมไม่มีทางที่จะกลับมาเป็น สส. ได้อย่างแน่นอน อ้าว! ถ้าไม่ได้เป็น สส. แล้วจะสมัครทำไม ผมก็ขอตอบตรงนี้ว่า ที่ผมยังคงลงรับสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ก็เพราะว่า ผมต้องการยืนยันว่าผมยังคงอยู่กับพรรค และยังคงทำงานให้กับพรรคอย่างทุ่มเท "เต็ม 100" เหมือนเดิม
"เมื่อไหร่ที่พรรคต้องการผม ผมจะยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ"
งานของพรรคไม่ได้มีแค่งาน สส. ในสภา หากได้เป็นรัฐบาล ยังมีงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร และการขับเคลื่อนนโยบายอีกมาก ในมุมของการสร้างพรรค ก็ยังมีงานมวลชน งานสมาชิกสัมพันธ์ ที่ต้องการคนไปสร้างการมีส่วนร่วม และหลอมรวมความเห็นที่แตกต่าง เพื่อสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่แข็งแรงในระยะยาว ผมจึงเลือกที่จะไปเติมในจุดที่พรรคยังขาด มากกว่ายึดติดกับตำแหน่ง ในจุดที่มีคนแทนที่ได้
ใครที่ทำงานกับผมจะรู้ดี งานไหนมีคนอาสาแข่งขันกันเยอะแยะ ผมจะถอยออกมาเสมอ แต่ถ้างานไหนหาคนทำไม่ได้ คนนั้นก็ติด คนนี้ก็มีข้อจำกัด ชื่อของผมจะผุดขึ้นมาในหัวของผู้บริหารพรรคโดยพลัน และเมื่อหันมา ก็จะเห็นผมยิ้ม และชูมือรอรับคำสั่งอย่างไม่อิดออดอยู่เสมอ เพราะผมเชื่อว่าทีมที่แข็งแรง จำเป็นต้องมีคนที่พร้อมที่จะหน้าที่ปิดช่องว่างให้กับทีม
ถามว่าผมยังอยากเป็น สส. ไหม ใครจะไม่อยากเป็นครับ ตอบตรงๆ ก็ยังอยากเป็น แต่ผมเชื่อว่าเราไม่ควรเป็น สส. เพียงเพราะแค่การอยากเป็น หากมีงานอื่นที่ท้าทายกว่า และเป็นประโยชน์กับพรรค และประชาชนมากกว่า คนที่เป็นเสาหลักของพรรค ต้องพร้อมอาสาไปทำงานในจุดนั้น และเปิดพื้นที่ให้คนอื่นได้เข้ามาแทนที่ องค์กรมันถึงจะเติบโตได้
ผมคิดว่าการทำหน้าที่ สส. ที่ผ่านมา ผมทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว อาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง ผมก็พร้อมน้อมรับคำติติง และขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ ความอยากเป็น สส. มันมีครับ แต่ความอยากไปบุกเบิกงานใหม่ และความอยากเห็นคนรุ่นใหม่ได้เปล่งประกาย มันมีมากกว่า หากคนเก่าไม่ลุกจากเก้าอี้ คนใหม่ก็ไม่มีวันได้นั่ง แทนที่จะบอกให้ใครลุก ผมเลือกที่จะลุกเอง น่าจะดีกว่า
หากจะถามต่อว่า แล้วถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลล่ะ แล้ววิโรจน์จะไปทำอาชีพอะไร ผมคิดอย่างนี้ครับว่า ประเทศนี้ไม่ควรมี สส. ที่ต้องมาเป็น สส. เพียงเพราะไม่รู้ว่าถ้าไม่ได้เป็น สส. แล้วจะไปประกอบอาชีพอะไร
เอาเป็นว่าเมื่อถึงเวลานั้น ก็คงไปว่าเอาครับ ผมเชื่อว่า คนเราถ้าดิ้น มันก็มีพื้นที่ว่างให้ดิ้นเสมอครับผม
ผมมองในแง่ดีนะครับว่า หากได้ไปทำอะไรอย่างอื่น มันก็เป็นโอกาสที่ผมจะได้พัฒนาตัวเอง ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ทำความเข้าใจกับความเป็นไปของโลกยุคใหม่ ได้รู้จักกับเครือข่ายประชาคมใหม่ๆ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้ผมกลับมาช่วยงานพรรคในมิติที่ลึก และแข็งแรงกว่าเดิม การเป็น สส. มา 5 ปีเศษ ในทุกๆ วัน มีแต่งานวิ่งมาชนตัว ไม่มีเวลาที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้อย่างลึกซึ้งเลยครับ
ตลอดเส้นทางกว่า 5 ปี 5 เดือน 7 วัน ผมอาจไม่ได้เป็นนักการเมืองที่สมบูรณ์แบบ แต่ผมมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ผมไม่เคยใช้ตำแหน่งเพื่อตัวเอง ไม่เคยยึดเก้าอี้ไว้เพราะความอยาก และไม่เคยลืมว่าอำนาจทั้งหมดที่มีนั้น เป็นของประชาชน
สำหรับผม การเมืองไม่ใช่เรื่องของการได้ “เป็นอะไร” แต่คือการได้ “ทำอะไร” ให้ประเทศนี้ดีขึ้น
เอาเป็นว่าเลือกพรรคประชาชนกันให้เยอะๆ ครับ ใครจะไปรู้ ผมอาจจะได้กลับเข้าสภา เพื่อมาตอบกระทู้ของเพื่อน สส. ก็ได้ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าสไตล์การอภิปรายในสภาของผมนั้นเป็นอย่างไร ไม่อยากเห็นสไตล์การชี้แจง หรือการตอบกลับของผมในสภาบ้างหรือครับ
(责任编辑:百科)
推荐文章
-
垃圾分类能否解决垃圾处理问题? 深圳市垃圾分类还要走很长的路,但是垃圾分类不能等于垃圾处理,垃圾分类可以实现减量、综合利用, 但最终还是要采用垃圾焚烧或填埋的方式处理。垃圾分类不能解决垃圾处理的全部
...[详细]
-
Kết quả bóng đá Heidenheim vs Bayern Munich
...[详细]
-
《桌游模拟器》是由Berserk Games开发的3D物理沙盒游戏。作为虚拟桌游平台,它内置国际象棋、大富翁、麻将等15款经典桌游,更通过Steam创意工坊提供数千款玩家自制内容,涵盖策略、卡牌、RP
...[详细]
-
【独家签约小说:武侠: 开局摸了天池怪侠】白启有点儿懵,睡得好好的,稀里糊涂到了天池,没错,就是天下第一的那个天池。开局得罪了朱无视,他只想苟下去。白启:什么?你说这是广阳府?还有地方叫七侠镇?白启找
...[详细]
-
副标题:“复古传奇sf攻略:法师如何巧妙运用疾光电影制胜”在复古传奇sf游戏中,法师玩家达到26级时,将会解锁一项强大技能——“疾光电影&r
...[详细]
-
中国首部科幻网剧《执念师2》自在搜狐视频和PPTV聚力上线之后,就因为自成一体的平行世界宇宙观赢得了一大批科幻死忠粉,其中自由穿梭时空的战士“执念师”们,更是因神乎其技的执念力
...[详细]
-
【独家签约小说:视频通古今,华夏启动一级战备】李少钦和校花打情骂俏时,无意开通了“古今共享APP”。他刷的视频可以共享到各个时代位面,被不同时期的人看到!刷【龙囯启动一级战备有多恐怖?】东风快递枕戈旦
...[详细]
-
智能化、新模式——浙江联运完美亮相西部第二届(成都)环卫博览会
5月17日,2018中国(成都)第二届西部新时代城乡环卫一体化发展论坛暨环卫设备与固体废弃物处理技术博览会在中国西部国际博览城隆重开幕。作为本次大会的协办单位之一,浙江联运环境工程股份有限公司携旗下智
...[详细]
-
Vụ CIPCO: Thay đổi tội danh của bị can tặng quà cựu Bí thư, Chủ tịch Cần Thơ cũ
Liên quan đến vụ án xảy ra tại Công ty cổ phần Xây dựng Hạ tầng Khu công nghiệp Cần Thơ (Công ty CIP ...[详细]
-
文 丨 《财之道》 周文猛今年初,英伟达创始人黄仁勋提出了AI发展的四个阶段:感知AIPerception AI)→生成式AIGenerative AI)→代理式AIAgentic AI)→物理AIP
...[详细]
热点阅读

巅峰对决耀湘江,2025湖南株洲国际赛车周圆满收官
关于缺陷的哲理故事汇总
垃圾桶如何摆放才科学?垃圾桶的服务半径是多少?
遭到抵制后《异形战机:维度3》NS2版改成完整卡带
长安汽车宣布获得首块L3级自动驾驶专用正式号牌,率先落地深蓝汽车
